เมื่อวันที่ 8 พ.ค.2567 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ปิยะอนันต์ โตสกุลวงศ์ ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.ณัฐวุฒิ แสงเดือน พ.ต.อ.มณุวัฒน์ กอสนาน รอง ผบก.ตม.4 โดย พ.ต.ท.พิศุทธิ์ สุวรรณภาษิต สว.ตม.จว.บุรีรัมย์ ได้สั่งการให้ จนท.ชุดสืบสวนปราบปราม ตม.จว.บุรีรัมย์ สนธิกำลังกับ จนท.ส.ทท.2 กก.1บก.ทท.2 จับกุมตัว MR.HARALD ROTHAUER (นายฮาราลด์ โรทาวเออร์ หรือแฮรี่) อายุ 48 ปี สัญชาติ ออสเตรีย หมายเลขหนังสือเดินทาง U1308713 โดยกล่าวหาว่า “เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด” (Overstay จำนวน 920 วัน) ตาม ม.81 แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522
สืบเนื่องจากนโยบายเน้นหนัก 5 ด้านของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. โดยเฉพาะการ X-Ray พื้นที่สุ่มเสี่ยง คนต่างด้าวสุ่มเสี่ยง ชุดสืบสวนปรามปราม ตม.จว.บุรีรัมย์ ได้รับทราบจากข้อมูลชาวบ้านในพื้นที่ อ.โนนดินแดง และพื้นที่ใกล้เคียงว่า มีคนต่างด้าวมีพฤติการณ์พูดจาว่าร้าย อาละวาดทำลายทรัพย์สินผู้อื่น คาดว่าน่าจะสติไม่ดี เป็นภัยต่อสังคม เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงนำกำลังเข้าตรวจสอบ พบว่า MR.HARALD ROTHAUER สัญชาติออสเตรีย (ทราบชื่อภายหลัง) ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง มีภรรยาคนไทยไม่ได้จดทะเบียนใน อ.โนนดินแดง ชอบพักอาศัยตามโรงแรม จนสืบทราบว่า ในวันที่ 8 พ.ค.2567 ได้พักอาศัยที่ เรือนธารารีสอร์ท ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ จว.บุรีรัมย์ ห้อง 210 เมื่อไปถึงหน้าห้องชุดจับกุมได้แสดงตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง แต่นายแฮรี่ไม่สามารถนำมาแสดงได้ แต่ได้เปิดข้อมูลสำเนา หนังสือเดินทางให้ดูจากภายในโทรศัพท์เคลื่อนที่ พบว่าข้อมูลตรงกับระบบสารสนเทศตรวจคนเข้าเมือง คือ เดินทางเข้าประเทศไทยเมื่อวันที่ 9 ก.พ.2560 ได้รับการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเรื่อยมาถึงวันที่ 31 ต.ค.2564 จึงแจ้งข้อกล่าวหาให้นายแฮรี่ทราบว่า “เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (Overstay 920 วัน) เบื้องต้นได้ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา นำตัวส่ง สภ.เมืองบุรีรัมย์ ดำเนินคดีตามกฎหมาย และแจ้งให้นายแฮรี่ทราบว่าหลังจากถูกดำเนินคดีแล้วจะต้องถูกส่งกลับประเทศ ไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศไทย (Black list) เป็นเวลา 10 ปี
สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ขอประชาสัมพันธ์ให้ทราบว่า สามารถแจ้งเบาะแสคนต่างด้าวกระทำผิดกฎหมายหรือมีพฤติการณ์ก่อความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมือง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายได้ที่สายด่วน 1178 ต่อไป
##ขอบคุณภาพข่าว/Dit News/รายงาน##
.
