

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดพิธีฯ ซึ่งเป็นไปตามที่รัฐบาลกำหนดให้ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ เนื่องจากสถานการณ์การลักลอบนำเข้ายาเสพติดตามแนวชายแดน ส่งผลให้เกิดการแพร่ระบาด ในประเทศเป็นอย่างมาก คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด จึงได้กำหนดพื้นที่เร่งด่วนในการสกัดกั้นยาเสพติดใน 14 จังหวัด รวม 51 อำเภอชายแดน 76 สถานีตำรวจ


อย่างยิ่ง ว่านโยบายยาเสพติดทำได้จริงเห็นผลได้จริง เพื่อประโยชน์แก่ประชาชนในประเทศชาติ หากตัดปัญหายาเสพติดไป ก็จะทำให้คนไทยกลับมามีศักยภาพอีกครั้ง
หลักจากพิธีเปิดปฏิบัติการ ผู้บัญชาการทหารบกและรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และปลัดกระทรวงมหาดไทย ยังได้กล่าวมอบนโยบายการดำเนินงาน ตามบทบาทและภารกิจของแต่ละหน่วยงาน เพื่อให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในปฏิบัติการได้เข้าใจในบทบาทภารกิจมากขึ้น
นอกจากนี้ พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ หลักบุญ ยังได้ถึงสถานการณ์ มาตรการ และตัวชี้วัดประสิทธิภาพการแก้ไขปัญหายาเสพติด ตามแนวชายแดน ความเป็นมา รวมถึงตัวชี้วัดหลัก 4 ตัวชี้วัด ได้แก่
1. ร้อยละของผลการสกัดกั้นยาเสพติดในจังหวัดชายแดนที่นำเข้าผ่านอำเภอชายแดนเปรียบเทียบกับผลการจับกุมยาเสพติดทั้งประเทศ ที่นำเข้าผ่านอำเภอชายแดนเป้าหมาย ร้อยละ 90
2. ผลการปราบปรามจับกุมผู้ค้าและเครือข่ายการลักลอบลำเลียงและค้ายาเสพติดตามเป้าหมาย ร้อยละ 90
3. ผลการดำเนินการต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่กระทำความผิดหรือเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ร้อยละ 100
4. ผลการตั้งกำลังประชาชนของหมู่บ้านตามแนวชายแดนในการป้องกัน เฝ้าระวังยาเสพติดในพื้นที่อำเภอเป้าหมาย ร้อยละ 90
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปิดพิธี เน้นย้ำภารกิจนี้ ถือว่าเป็นเดิมพันที่มีความท้าทายอย่างมาก ที่จะทำให้ประเทศไทยปลอดภัยจากยาเสพติด ขอให้ผู้ปฏิบัติงานทุกฝ่าย ยึดหลักกฎหมาย นิติรัฐและนิติธรรมเป็นหลักในการทำงาน และจะมีการกำหนดตัวชี้วัดการดำเนินงานอย่างชัดเจน โดยสำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับกองทัพ ในการประเมินผลภายใน และให้สถาบันวิชาการในพื้นที่ประเมินผลในภาพรวมแต่ละอำเภอ สถานการณ์ยาเสพติดจะต้องลดลง ความเชื่อมั่นและความพึงพอใจของประชาชนที่มีต่อการทางานภาครัฐเพิ่มขึ้น และความปลอดภัยในขีวิตของประชาชนสูงขึ้น และนำความมั่นคงและความผาสุกกลับคืนสู่ประชาชน
