ต่อมาเจ้าหน้าที่สืบนครบาล พร้อมนักเรียนหลักสูตรสืบสวนคดีอาญารุ่นที่ 115 หรือ “สืบ115” ได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอออกหมายค้นต่อศาลอาญามีนบุรี เพื่อตรวจค้นและตรวจยึดสิ่งของที่มีไว้หรือใช้ในการกระทำความผิด
น.ส.อารยา อายุ 28 ปี ภูมิลำเนา แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร
จับกุมในข้อหา “ผู้ใดจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน” ตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 4,12พฤติการณ์ในการจับกุม
สืบนครบาล บุกค้นบ้านรวบ “อิงฟ้า” นางแบบสาวอินฟลูเอนเซอร์หน้าตาดี ผู้ติดตามกว่า 2 แสนคน ทำคอนเทนต์โฆษณาชักชวนเล่นเว็บพนันออนไลน์ มอบเมาเยาชนให้หลงผิดเข้าสู่วงจรการพนันออนไลน์ สืบเนื่องจากสืบสวนนครบาล ได้สืบสวนหาข่าวทราบว่า น.ส.อารยาฯ นางแบบสาวอินฟลูเอนเซอร์หน้าตาดี มีพฤติการณ์ทำคอนเทนต์โฆษณาให้เว็บพนันออนไลน์หลายเว็บไซต์ มีการระบุชื่อเว็บไซต์ แปะลิงก์เข้าสู่เว็บไซต์พนันออนไลน์ เพื่อชักชวนให้ประชาชนทั่วไปเล่นพนันออนไลน์ อีกทั้งเป็นการมอมเมาเยาวชนให้หลงผิดมาเล่นการพนัน
ร.ต.อ.ปรัชญาฯ รอง สว.กก.สส.1 ในฐานะครูพี่เลี้ยง พร้อมนักเรียนหลักสูตรสืบสวนคดีอาญารุ่นที่ 115 หรือ “สืบ115” ได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอออกหมายค้นต่อศาลอาญามีนบุรี เพื่อตรวจค้นและตรวจยึดสิ่งของที่มีไว้หรือใช้ในการกระทำความผิด
กระทั่งวันนี้ (9 ก.ย.67) เวลาประมาณ 08.00 น. ร.ต.อ.ปรัชญาฯ ได้นำทีมเข้าตรวจค้นที่พักของ น.ส.อารยาฯ ตามหมายค้นศาลอาญามีนบุรี พร้อมเข้าตรวจค้นและตรวจยึดโทรศัพท์และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ พบการใช้งานบัญชีเฟสบุ๊คและอินสตาแกรมของ น.ส.อารยาฯ ซึ่งมีผู้ ติดตามร่วมกว่า 2 แสนคน มีการโพสต์ และลงสตอรี่ ทำคอนเทนต์โฆษณาให้เว็บพนันออนไลน์หลายเว็บไซต์ มีการระบุชื่อเว็บไซต์ แปะลิงก์เข้าสู่เว็บไซต์พนันออนไลน์ และมีข้อความอันเป็นการชักชวนให้ประชาชนทั่วไปเล่นพนันออนไลน์ จึงได้จับกุม น.ส.อารยาฯ พร้อมด้วยของกลางโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง นำส่งพนักงานสอบสวน สน.ร่มเกล้า ดำเนินคดีตามกฎหมาย
สถานที่จับกุม ภายใน เคหะร่มเกล้า 15 แยก6-1 แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร
. ในชั้นจับกุม น.ส.อารยาฯ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ยอมรับว่าตนได้โพสต์โฆษณาเว็บพนันออนไลน์ด้วยตนเองจริง โดยมีผู้ว่าจ้างให้ตนโพสต์โฆษณาชักชวนเว็บการพนันออนไลน์ โดยได้รับค่าตอบแทนเป็นจำนวนเงินประมาณเดือนละ 40,000 บาท ซึ่งได้กระทำมาแล้วหลายครั้ง ตั้งแต่เมื่อต้นปี 67 จนถึงปัจจุบัน โดยสาเหตุที่ตัดสินใจกระทำความผิดในลักษณะนี้เนื่องจากหลงผิด และมีปัญหาเรื่องการเงินจากค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน จึงได้ตัดสินใจทำลงไป ทั้งนี้ ตนเองน้อมรับความผิดและยินดีเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย