เมื่อวันที่ 18 พฤษจิกายน 2567 เวลาประมาณ 00.19 น.
– ภายใต้การอำนวยการของ
พ.ต.อ.นุกูล ครุฑศิริ ผกก.สน.บางบอน ,พ.ต.ท.ศุภกร กันทาลักษณ์ รอง ผกก.สส.สน.บางบอน , พ.ต.ท.ศิวัช พุ่มนุ่ม รอง ผกก.ป.สน.บางบอน

– ได้ร่วมกันจับกุม
1.นายจักรพันธ์ ผึ่งผดุง อายุ 18 ปี ที่อยู่ 62 ซอยบางบอน 3 ซอย 12 แขวงหลังสอง เขตบางแค กรุงเทพมหานคร หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน 1-1020-03770-46-9
2.นายวรากรณ์ แสงทับทิบ อายุ 17 ปี ที่อยู่ ซอยเพชรเกษม 62/4 แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กรุงเทพมหานคร หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน 1-1040-00185-07-9

– ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน
ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ,พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร และยิงปืนในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร

– สถานที่จับกุม บริเวณภายในซอยโพธิ์คำนาค แขวงหลักสอง เขตบางแค กรุงเทพมหานคร

พฤติการณ์การจับกุม วันที่ 17 พ.ย.2567 เวลาประมาณ 22.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม สน.บางบอน ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลบางประกอก 8 ว่ามีชายถูกอาวุธปืนยิงได้รับบาดเจ็บ บริเวณ หน้าปั้ม PT ถ.บางบอน 4 แขวงบางบอนเหนือ เขตบางบอน กรุงเทพมหานคร และได้เดินทางมารักษาตัวที่โรงพบาลบางปะกอก 8 เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่โรงพยาบาลบางประกอก 8 พบนายสุรสิทธิ์ หรือเจ หนูแย้ม (ทราบชื่อสกุลภายหลัง) เป็นเพื่อนของผู้บาดเจ็บจึงได้สอบถามทราบชื่อผู้บาดเจ็บคือ นายพีรวัฒน์ คุ้มขำ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้สอบถาม นายสุรสิทธิ์ หรือเจ หนูแย้ม (เพื่อนผู้บาดเจ็บ) แจ้งว่าเมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.

 ตนได้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาจำนวน 2 คันซึ่งคันที่ 1 มีนายจักรพันธ์ ผึ่งผดุง (คนยิง) และนายวรากรณ์ แสงทับทิบ (คนขับรถ) คันที่ 2 มีนายสุรสิทธิ์ หนูแย้ม เป็นคนขับ และนายชาย ไม่ทราบชื่อจริงสกุลจริง สัญชาติเมียนมา เป็นผู้โดยสารนั่งมาตรงกลาง และมีนายจักรรินทร์ บู่สาลี เป็นผู้โดยสารนั่งมาคนสุดท้าย เมื่อมาถึงบริเวณหน้าปั้ม PT ถ.บางบอน 4 แขวงบางบอนเหนือ เขตบางบอน กรุงเทพมหานคร ได้พบกลุ่มของนายพีรวัฒน์ คุ้มขำ (ผู้บาดเจ็บ) ได้ปาก้อนหินใส่ นายจักรพันธ์ ผึ่งผดุง (คนยิง) และนายวรากรณ์ แสงทับทิม (คนขับรถ) นายจักรพันธ์ ผึ่งผดุง (คนยิง) และนายวรากรณ์ แสงทับทิม (คนขับรถ)ได้ขับรถหนีไปทางถนนเอกชัย       จากนั้น นายจักรพันธ์ ผึ่งผดุง (คนยิง) และนายวรากรณ์ แสงทับทิม (คนขับรถ)     จึงได้กลับรถเพื่อมาหากลุ่มของผู้บาดเจ็บ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ จึงได้นำอาวุธปืนที่พกติดตัวมายิง นายพีรวัฒน์ คุ้มขำ (ผู้บาดเจ็บ) จำนวน 1 นัด หลังจากยิงเสร็จ นายจักรพันธ์ ผึ่งผดุง (คนยิง) และนายวรากรณ์ แสงทับทิม (คนขับรถ) ได้ขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไปตามถนนบางบอน 4 มุ่งหน้าหนองแขม ส่วนนายสุรสิทธิ์ หนูแย้ม เป็นคนขับ และนายชาย ไม่ทราบชื่อจริงสกุลจริง สัญชาติเมียนมา เป็นผู้โดยสารนั่งมาตรงกลาง และมีนายจักรรินทร์ บู่สาลี ได้ขับรถห่างจาก รถของนายจักรพันธ์ ผึ่งผดุง (คนยิง) และนายวรากรณ์ แสงทับทิม (คนขับรถ) คันที่ 1 ประมาณ 100 เมตร และได้กลับรถขับมาตามถนนบางบอน 4 มุ่งหน้าถนนเอกชัย เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมจึงได้สอบถามว่าใครเป็นผู้ใช้ปืนยิงพีรวัฒน์ คุ้มขำ (ผู้บาดเจ็บ) นายสุรสิทธิ์ หรือเจ หนูแย้ม แจ้งว่านายจักรพันธ์ ผึ่งผดุง (คนยิง) และนายวรากรณ์ แสงทับทิม (คนขับรถ) เป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงนายพีรวัฒน์ คุ้มขำ จนเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้สอบถาม นายสุรสิทธิ์ หรือเจ หนูแย้ม ให้การว่าไแจ้งว่า นายจักรพันธ์ ผึ่งผดุง (คนยิง) ได้พักอาศัยอยู่บ้านภายในซอยโพธิ์คำนาค แขวงหลักสอง เขตบางแค กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่จึงได้เดินทางไปตรวจสอบพบ นายจักรพันธ์ ผึ่งผดุง (คนยิง) และนายวรากรณ์ แสงทับทิม (คนขับรถ) จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าทำการจับกุมและขอตรวจค้นก่อนการตรวจค้นได้แสดงความบริสุทธิ์ใจให้นายจักรพันธ์ ผึ่งผดุง (คนยิง)    และนายวรากรณ์ แสงทับทิม (คนขับรถ) ดูจนเป็นที่พอในแล้วและยินยอมให้ตรวจค้นผลการตรวจค้นไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายจึงได้สอบถามนายจักรพันธ์ ผึ่งผดุง (คนยิง) และนายวรากรณ์ แสงทับทิม (คนขับรถ) ให้การยอมรับสารภาพว่าตนได้ใช้อาวุธปืนยิง นายพีรวัฒน์ คุ้มขำ (ผู้บาดเจ็บ) จริงและได้นำอาวุธปืนไปเก็บไว้ภายในบ้านของตนที่อาศัยอยู่ภายในซอยโพธิ์คำนาค แขวงหลักสอง เขตบางแค กรุงเทพมหานคร

 

 จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้นำตัวนายจักรพันธ์ ผึ่งผดุง (คนยิง) และนายวรากรณ์ แสงทับทิม (คนขับรถ) พร้อมของกลางมาบันทึกจับกุมและแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบว่าเขาต้องถูกจับกุมในการกระทำความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ,พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร และยิงปืนในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร พร้อมสิทธิของผู้ต้องหาให้ทราบดังนี้ มีสิทธิจะให้การหรือไม่ให้การอย่างไรก็ได้ถ้อยคำให้การของผู้ถูกจับอาจใช้เป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีในชั้นศาลได้,มีสิทธิพบและ ปรึกษาทนายความหรือผู้ซึ่งจะเป็นทนาย,แจ้งให้ญาติหรือผู้ซึ่งตนไว้วางใจทราบถึงการจับกุม(ถ้าไม่เป็นอุปสรรคต่อการจับหรือควบคุมและ/หรือปัญหาด้านความปลอดภัย, มีสิทธิได้รับการรักษาพยาบาลโดยเร็ว เมื่อมีการเจ็บป่วย ซึ่งผู้ต้องหาได้ทราบและเข้าใจสิทธิดีแล้วหลังจากนั้นได้นำตัวพร้อมอาวุธปืนของกลาง จัดทำบันทึกการจับกุมตัวผู้ต้องหานี้ไว้ แล้วอ่านบันทึกการจับกุม ให้ผู้ต้องหาฟัง และให้ลงชื่อในบันทึกการจับกุมตัวผู้ต้องหา จากนั้นแล้วได้นำตัวผู้ต้องหานี้ส่งพนักงานสอบสวน สน.บางบอน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป