เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ.2567
ภายใต้อำนวยการของ พ.ต.อ.ปราโมทย์ จันทร์บุญแก้ว ผกก.สน.เพชรเกษม จับกุมโดย ชุดจับกุมประกอบด้วย พ.ต.ต.ธวัชชัย ทิพย์วงษ์ สว.สส.สน.เพชรเกษม, จ.ส.ต.เอกยุทธ ปล้องคง ผบ.หมู่ (ป.) สน.เพชรเกษม, จ.ส.ต.ธวัชชัย ละอองชัย ผบ.หมู่ (สส.)ฯ,ส.ต.ท.นิติพงษ์ สถิตย์สร ผบ.หมู่(ป.)ฯ

 

สน.เพชรเกษม ขอรายงานผลจับกุมดังนี้
ผู้ต้องหา นาย ก้าวหน้า รอดสุวรรณ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 199/134 แขวงหลักสอง เขตบางแค จังหวัด กรุงเทพมหานคร

ข้อหา “เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย” ตามหมายจับศาลแขวงบางบอนที่ 316/2567 ลงวันที่ 17 กันยายน 2567

อนึ่งจากการตรวจสอบพบว่ายังมีหมายจับที่ยังต้องการตัวอีก 1 หมาย ข้อหา “พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน” ตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรสาคร ที่ 29/2565 ลงวันที่ 17 มกราคม 2565

พฤติการณ์ในการจับกุม
พฤติการณ์ทางคดี กล่าวคือ ก่อนวันเวลาที่จับกุมเมื่อวันที่ ๒๗ เดือน พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๗ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับ
แจ้งจากสายลับไม่ประสงค์ออกนามแต่ประสงค์เงินรางวัลนำจับว่า นายก้าวหน้า รอดสุวรรณ เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวง บางบอนที่ ๓๑๖/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๖๗ ข้อหา “เสพยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (เมทแอมเฟตามีนหรือยาไอซ์) โดยผิดกฎหมาย” หลบหนีอยู่บริเวณหมู่บ้านโกลเด้น ตำบลบางน้ำจืด อำเภอเมืองสมุทรสาคร สมุทรสาคร

  เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด จับกุมจึงได้เดินทางไปที่สถานที่ดังกล่าวเพื่อตรวจสอบ เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจพบ นายก้าวหน้า รอดสุวรรณ ยืนอยู่บริเวณ หมู่บ้านโกลเด้น ตำบลบางน้ำจืด อำเภอเมืองสมุทรสาคร สมุทรสาคร เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แสดงหมายจับดังกล่าวต่อ หน้า นายก้าวหน้า รอดสุวรรณ สอบถามชื่อและนามสกุลจริงและขอตรวจสอบบัตรประจำตัวประชาชนกับ นายก้าวหน้า รอดสุวรรณ ในขณะนั้น ปรากฏว่ามีชื่อนามสกุลและตำหนิรูปพรรณตรงตามหมายจับนี้ จนเป็นที่ทราบและส่งหมายจับให้ ตรวจสอบอ่านเองจนเข้าใจดีแล้ว ได้ยอมรับว่าเป็นบุคคลเดียวกันกับบุคคลตามหมายจับดังกล่าวและไม่เคยถูกจับกุมตามหมายจับ ดังกล่าวมาก่อนแต่ อย่างใด เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แจ้งต่อ นายก้าวหน้า รอดสุวรรณ ว่าจะต้องถูกจับ ได้แจ้งข้อกล่าวหา และสิทธิ์ให้ทราบ ตามหมายจับศาลแขวงบางบอนที่ ๓๑๖/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๖๗ นายก้าวหน้า รอดสุวรรณ ทราบและเข้าใจดีแล้ว จึงได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
##ขอบคุณภาพข่าว/Dit News /รายงาน##