((POLICE NEWS update PLUS))…”3ผู้เสียหาย ร้องเรียนขอความเป็นธรรมศูนย์ร้องเรียนตำรวจภูธรภาค7 หลังถูก2สามีภรรยา คนดังในพื้นที่จ.ราชบุรีกลั่นแกล้งแจ้งหลายข้อกล่าวหาและข่มขู่ ขณะที่คดียังไม่คืบหน้า ตร.สภ.บ้านโป่งไม่รับแจ้งความ”

กรณีดังกล่าวมี นาย​สิทธิศักดิ์​ ภู่ทอง​ ประกอบธุรกิจส่วนตัว​ เป็นผู้เสียหายรายที่ 1พร้อมด้วย นาย​ณรงค์ศักดิ์​ โคมทอง​ มีอาชีพเป็นเซลล์ฝ่ายขาย​ ผู้เสียหายรายที่ 2และ น.ส.​ชวัลพชร แสงศรี​ มีอาชีพค้าขาย​ ผู้เสียหายรายที่ 3 ซึ่งทั้ง 3 รายได้นำเอกสารและหลักฐานเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรม​ ต่อ​ พ.ต.ท​ สมเกียรติ​ คำกาหลง​ พนักงานสวนศูนย์ร้องทุกข์​ตำรวจภูธรภาค​ 7​ ให้ตรวจสอบพฤติกรรม​ของพนักงานสอบสวน​ สภ.​บ้านโป่ง​ ที่ทำคดี​ แบบไม่เป็นธรรม​

นายสิทธิศักดิ์​ ภู่ทอง​ เจ้าของธุรกิจรถบัส​​ กล่าวว่า ตนทำธุรกิจซื้อขายรถบัสกับคู่กรณีมาเป็นเวลา​กว่า​ 5​ ปี​ จากคำแนะนำของนาย ณรงค์ศักดิ์​ แต่กลับถูกคู่กรณีวางแผน กลั่นแกล้งหลายวิธี เพื่อให้ได้มาซึ่งการยึดรถ​ ยึดที่ดิน​ ที่ตนซื้อขายกับคู่กรณี​อย่างถูกต้องตามกฏหมาย​ แต่กลับถูกตลบหลังด้วย​การ​ แจ้งข​้อกล่าวหาว่าตนและลูกน้อง​ วางแผน​ปลอมแปลงเอกสาร​ และ​ ฉ้อโกงเงินกว่า​ 5​ แสนบาท​ ที่ใช้เคลียรกับ​ ตร​.ในข้อหาเจอยาเสพติดในรถ​บัส​ ​ซึ่งตนเองได้รับการติดต่อจากคู่กรณีให้ไปทำการเคลียร์คดีกับทางเจ้าหน้าที่ที่ทำการตรวจค้น รถบัส ภายในบริษัทของคู่กรณี ตนเองจึงเดินทางไปเจรจาให้ หลังจากที่ตนเจรจาให้เสร็จเรื่องดังกล่าวก็เงียบหายไป ต่อมา ตนถูกเจ้าหน้าที่ ตร​.สภ.​บ้านโป่ง​ได้แจ้งข้อหากับตนว่าตนฉ้อโกงเงินจำนวน 5 แสนบาท ที่นำไปเจรจากับเจ้าหน้าที่ ตอนที่เข้าไปตรวจค้นรถบัสภายในบริษัทของคู่กรณีว่าตนเอง ฉ้อโกงเงินจำนวนดังกล่าวไป หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ ตร.สภ.บ้านโป่ง ได้ทำการยึดรถ​บัส​ที่ซ่อมอยู่ในอู่​ ไปจำนวนหลายคัน โดยให้เห็นผลว่าเกี่ยวข้องกับคดี ที่ตนเองถูกคู่กรณีแจ้งความว่าฉ้อโกง ตนข้องใจว่ารถบัสของตนเป็นรถที่จดทะเบียนถูกต้องทุกอย่าง แต่ทำไม มาสั่งอายัด โดยรถบางคันได้ทำการขายไปให้กับลูกค้าและทำการโอนถูกต้อง สร้างความเสียหายกว่า​ 25 ล้าน​ โดยรถที่ถูดยึดบางคัน​ เจ้าของคดีเอาไปเก็บไว้ที่บ้านของพี่สาวของโจทย์​ ซึ่งมองว่าไม่ถูกต้องอย่างมาก

ส่วนนายณรงค์ศักดิ์​ โคมทอง​ เซลล์ฝ่ายขาย​ และ น.ส.​ชวัลพชร แสงศรี​ อาชีพค้าขาย​ เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรม​ ต่อ​ พ.ต.ท​ สมเกียรติ​ คำกาหลง​ พนักงานสวนศูนย์ร้องทุกข์​ตำรวจภูธรภาค​ 7​ ให้ตรวจสอบพฤติกรรม​ของพนักงานสอบสวน​ สภ.​บ้านโป่ง​ ที่ทำคดี​ แบบไม่เป็นธรรม​ หลังได้เคยเข้ามาร้องเรียนให้ตรวจสอบพฤติกรรมพนักงานสอบสวนรายนี้ เมื่อเดือน​ สิงหาคม​ที่ผ่านมาแต่คดีไม่คืบหน้า​ จนถึงทุกวันนี้​ แถม​พวกตนยังถูกข่มขู่​ ทั่วจาก​ ตร​.และโดนบัตรสนเท่ห์​ใส่ร้ายป้ายสี​ให้เกิดความอับอาย

นาย ณรงค์ศักดิ์​ กล่าวว่า การเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมถึงกรณีการถูกข่มขู่​ โดยตนเองได้เข้าแจ้งความ กรณี สามีของ คู่กรณีนาย สิทธิศักดิ์ ได้อ้างตัวเป็นนายทหาร ยศ พันเอก โดยแต่งกายคล้ายทหาร ติดเครื่องราช และมักให้ชาวบ้านแถวบ้านโป่ง เรียกว่า ผู้พัน แต่ตร​.สภ.​บ้านโป่ง​ไม่รับแจ้งความ แถมยัง ถูกคู่กรณีที่อ้างตัวว่าเป็นทหาร ข่มขู่และกลั่นแกล้งเชื่อมโยงข้อหาร้ายแรงให้​ต่างๆนาๆ โดยนำตนไปประจาน ทางบริษัทที่ตนทำงานว่าตนเองมีคดีอาญามั้ย และยัง บอกกับตนว่าตนสามารถให้ทุกหน่วยงานดำเนินการกับตนเองได้

สำหรับ น.ส.​ชวัลพชร แสงศรี​ มีอาชีพค้าขาย​ กล่าวว่าตนเองเป็นอดีตลูกจ้างของ 2​ สามีภรรยา​ ที่เป็นคู่กรณี กับนาย สิทธิศักดิ์ และนาย ณรงค์ศักดิ์ ได้ให้ตนไปเป็นพยาน ที่ สภ.บ้านโป้ง จากกรณีที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าตรวจค้นรถบัส ที่พบยาเสพติด ที่ให้นาย สิทธิศักดิ์ ไปเจรจากับทางเจ้าหน้าที่ โดยตนถูกเชิญไปให้ปากคำในฐานะพยานฝ่ายโจทย์​ เมื่อตนพูดความจริงกลับกลายเป็นผู้ต้องหา​ซะเอง ในคดี​ ยักยอกทรัพย์​ 5​ แสนบาท​ โดยร่วมกันกับนายสิทธิศักดิ์​ฉ้อโกงเงิน​ 5​ แสน​ที่ตัวเองเบิกจ่ายให้นายสิทธิ์ศักดิ์​ ตามที่คู่กรณีสั่ง​ให้ดำเนินการ ทุกวันนี้ถูก​ ตร.​มาข่มขู่ที่บ้าน​ จะขอค้นบ้านข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครอง​ และ​ อายัดบัญชีลูกชายที่มีเงินอยู่เพียง​5,000​กว่าบาท​ น.ส. ชวัลพชร กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนเองสงสัยว่าทำไม เจ้าหน้าที่ สภ.บ้านโป่งถึงได้อายัด บัญชีลูกชาย ซึ่งลูกของตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีของแม่เลย กลับ มากลั่นแกล้งกันโดยไม่ถูกต้อง โดยตนเองถูกกล่าวหาซึ่งข้อกล่าวหาดังกล่าวนั้น พนักงานอัยการไม่สั่งฟ้องตน และ นายสิทธิศักดิ์ ร่วมถึง นาย ณรงค์ศักดิ์ มาแล้วถึง 4 ครั้ง แต่เจ้าหน้าที่ยัง จะทำเรื่องฟ้องใหม่ทุกครั้ง และทางเจ้าหน้าที่ ยังมาบอกกับเพื่อนตนว่า สักวันจะนำหมายค้นเข้ามาตรวจค้นในบ้าน ทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียง

ด้าน นาย สิทธิศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า คดีทั้งกล่าว ทาง2สามีภรรยา พยายามเชื่อมโยงให้ทุกคนเป็นคดีเดียวกัน ซึ่งสร้างความเสื่อมเสีย กับพวกตนเป็นอย่างมาก วันนี้จึงมาร้องขอความเป็นธรรม​ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 รวมทั้งให้​เร่งสอบสวน​ ซึ่ง​ ตร.​ ยืนยัน​ว่า ได้รับเรื่องไว้ทั้งหมด​ พร้อมรวบรวมเสนอผู้บังคับบัญชา​เพื่อเร่งสอบสวนข้อเท็จจริง​

ขณะที่เรื่องร้องเรียนเก่าเมื่อเดือ​นสิงหาคม​ ทางสภ.บ้านโป่ง เจ้าของคดียังไม่ส่งเรื่องกลับมา ทางกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 จะเร่งรัดดำเนินการให้ไวที่สุด เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้เสียหายทั้ง3ราย !!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *